Skip to content

Instantly share code, notes, and snippets.

@amaudy
Created June 4, 2012 21:50
Show Gist options
  • Star 1 You must be signed in to star a gist
  • Fork 0 You must be signed in to fork a gist
  • Save amaudy/2871051 to your computer and use it in GitHub Desktop.
Save amaudy/2871051 to your computer and use it in GitHub Desktop.
How I learn English.
ภาษาเป็นเรื่องของ "ทักษะ" ครับ
และทักษะมันเป็นเรื่องที่ฝึกกันได้ :)
อารมณ์เดียวกับฝึกเขียนโปรแกรมนั่นแหละ
ทีนี้คำถามคือ แล้วจะฝึกอย่างไร?
พี่ขอแชร์ประสบการณ์การฝึกภาษาของพี่ให้ฟังนะครับ (จริงๆ อ่าน)
เมื่อก่อนความสามารถเรื่องภาษาอังกฤษของผมก็เหมือนคนไทยทั่วๆ ไป ที่เรียนภาษาอังกฤษกันตั้งหลายปี แต่พูดสื่อสารกับชาวต่างชาติไม่ได้ (แต่สื่อสารด้วยวิธีอ่าน/เขียนพอได้)
จุดเปลี่ยนของผมเริ่มต้นเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว ตอนไปงานบาร์แคมป์กรุงเทพ ครั้งที่ 2
ได้เจอผู้คนเยอะแยะมากมาย รวมถึงฝรั่งที่กระตือรือร้นพร้อมจะแชร์เทคนิคการเขียนโปรแกรม เทคนิคการทำธุรกิจให้ฟัง
ตอนนั้นก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่ดีตรงที่ว่าในงานมีคนไทยที่เก่งภาษาเป็นคนช่วยแปลให้
หลังจากงานนั้นมา ผมก็เริ่มติดต่อกันมาเรื่อยๆ พอได้พูดคุยกันมากขึ้น ก็เห็นโอกาสว่า ความสามารถการเขียนโปรแกรมของคนไทยเราไม่ได้ด้อยไปกว่าชาวต่างชาติเลย เสียเปรียบกันที่เรื่องภาษาในการสื่อสารนี่แหละ
เลยตั้งปนิธานไว้ว่า "เราต้องเก่งภาษาอังกฤษให้ได้"
จังหวะดีมากที่ปีนั้นได้งานกับบริษัทของชาวต่างชาติที่เชียงใหม่ นับเป็นขั้นที่สองของการเปลี่ยนแปลง
สามเดือนแรกที่เชียงใหม่ เป็นอะไรที่กดดันสุดๆ ในที่ทำงานสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษกันหมดเลย
อันที่จริงก็มีคนไทยอยู่ด้วยนะ แต่ก็เก่งภาษาอังกฤษในระดับที่เขียนบทความได้กันทั้งนั้น (จบจากซานฟรานซิสโกคนนึง อีกคนก็จบจากเอแบ็ค ส่วนผู้ช่วยผู้จัดการก็โตที่แคนาดา)
ไหนๆ ก็มาอยู่ใกล้คนเก่งแล้ว ก็ถามมันนั่นแหละว่าทำไมถึงเก่ง
น้องเขาก็ใจดีบอกให้ว่า ต้องหาเรื่องใช้บ่อยๆ ฟังบ่อยๆ พูดบ่อยๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนสภาพแวดล้อมตัวเองทั้งหมด
คิดเล่นๆ ว่าไม่ได้อยู่เมืองไทย
เลิกอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทย (อันนี้ไม่ยาก เพราะโดนบังคับให้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมแทน เลยไม่มีเวลาอ่านหนังสือพิมพ์เล่มโปรด)
เลิกดูทีวีภาษาไทยโดยเด็ดขาด กลับห้องก็เปิด CNN, BBC, Aljazeera ทิ้งไว้ (แรกๆ ก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่ฟังให้สำเนียงมันเข้าหูไว้)
หยุดเสาร์อาทิตย์หาหนังมาดู ดูหลายๆ รอบ
รอบแรกเสียงไทย แต่ซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ เพื่อดูว่าเวลาคุยกันเป็นภาษาไทยแล้วในภาษาอังกฤษเขาใช้ยังไง (เช่นการทักทาย การตั้งคำถาม การเริ่มชวนคนอื่นคุย)
จากนั้นรอบสองก็เปิดเสียงอังกฤษพร้อมซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ เพื่อหัดฟังสำเนียง บางทีก็พูดตามไปด้วยเลย
นอกจากนี้ก็ตั้งคำถาม เริ่มจากรอบตัวในชีวิตประจำวัน เช่น ประตู/หน้าต่าง/โต๊ะ/รถกระบะ/รถเก๋ง/ข้าวราดแกง/อาหารตามสั่ง/กะเพราหมูสับหมูชิ้นเรียกว่าอะไร จะเปิดไฟปิดต้องพูดว่ายังไง หิวข้าวหิวน้ำต้องพูดว่ายังไง
อร่อยไม่อร่อย ชอบหรือไม่ชอบจะพูดว่ายังไง คือเตรียมไว้ในหัวก่อนเลยเพราะไปที่ทำงานแล้วต้องได้ใช้แน่ๆ
ผมทำแบบนี้อยู่สามเดือนก็ทำให้มีการพัฒนาในทางที่ดีขึ้น
ยังจำความรู้สึกได้อยู่เลย ในเช้าวันที่ฟังข่าว CNN แล้วเข้าใจว่ามันพูดอะไร ดีใจจนน้ำตาไหลเลยล่ะ ตะโกนดังๆ ในใจว่า "กูฟังรู้เรื่องแล้วโว้ย"
จากนั้นก็เริ่มสนุกกับการใช้ภาษาอังกฤษ เหมือนได้ไปอยู่ในโลกใบใหม่ เริ่มถามว่าเขา (เพื่อน+เจ้านาย) ดูซีรีย์เรื่องอะไรแล้วก็ไปหาเรื่องนั้นมาดู
ดูจบแล้ววันถัดมาหรืออาทิตย์ถัดมาก็มีเรื่องชวนมันคุย เป็นต้นว่าดูแล้วนะ สนุกยังไง ชอบตอนไหน
จะบอกว่า ช่วงนั้นติดซีรีย์ฝรั่งงอมแงมเลย พวก 24, Heros, Sex and the city อะไรงี้ โดยเฉพาะเรื่อง Sex and the city นะ บทสนทนามันดีมาก (ฉากผู้หญิงจับกลุ่มนินทา เอ้ย! คุยเรื่องผู้ชายนั่นแหละ)
ที่เล่ามาทั้งหมดทั้งมวล ประเด็นมันมีอยู่ว่า
- หาเรื่องใช้มันบ่อยๆ หาโอกาสใช้มันบ่อยๆ สร้างสภาพแวดล้อมให้ตัวเองได้ใช้งานมันบ่อยๆ
- อย่ากลัวที่จะผิด เพราะผิดมันก็แค่ผิด รู้ว่าผิดแล้วก็แก้ให้มันถูกก็จบแล้ว อย่าอายและอย่าไปแคร์คนที่หาว่าเรากระแดะ ถ้าโชคร้ายเจอคนแบบนี้จริงๆ ก็บอกมันไปเลยว่า "เรื่องของกู"
- ฝึกทักษะการฟังกับการพูดก่อนที่จะไปอ่านหรือเขียน
- การฝึกพูดช่วยให้ทักษะการฟังดีขึ้น ดูในหนังหรือทีวีแล้วพูดตามเลย เทคนิคอีกอย่างนึงคือให้สังเกตด้วยว่าเวลาเขาพูดเขาขยับปากยังไง
- หัดตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าถ้าเจอแบบนี้จะพูดยังไง เริมยังไงจบยังไง
ฝึกภาษาก็เหมือนหัดขี่จักรยาน พอได้แล้วมันติดตัวไปเลย แต่ต้องไม่ทิ้งนะ ถ้าไม่ได้ใช้นานๆ เข้าก็อาจจะลืมได้
ทุกวันนี้ดีหน่อยที่ผมมีโอกาสได้ใช้มันตลอด เลยทำให้ไม่ลืม และทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะเปี๊ยะนะ ยังมีพูดผิดพูดถูกเหมือนเดิม หลายครั้งที่พูดไปแล้วก็กลับมาคิดใหม่ว่า เมื่อกี๊เราน่าจะใช้อีกแบบนะ (รู้ว่าผิดก็แก้ให้มันถูก)
มันก็เท่านี้แหละเรื่องภาษา
Sign up for free to join this conversation on GitHub. Already have an account? Sign in to comment